พี่เล็กชี้ กัมพูชาเคลื่อนพลตั้งแต่ช่วงเมษายน เจตนาหวัดฮุบสามเหลี่ยมทองคำ“พี่เล็ก วาสนา นาน่วม” นักข่าวสายทหาร ผ่าแผนการใหญ่ “ฮุนเซน” เคลื่อนกำลังใต้ดินหนักหลายเดือน เจตนาแท้จริงฮุบอาณาจักร “สามเหลี่ยมทองคำ”

บทวิเคราะห์สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากมุมมองนักข่าวสายทหารประวัติและความเชี่ยวชาญของ “พี่เล็ก วาสนา นาน่วม”

วาสนา นาน่วม หรือ “พี่เล็ก” เป็นผู้สื่อข่าวสายทหารชื่อดังของไทย ปัจจุบันทำงานกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และโพสต์ทูเดย์ และเป็นผู้เขียนหนังสือชุด “ลับ ลวง พราง” ที่ได้รับความนิยมสูง เธอมีชื่อเสียงจากการรายงานข่าวที่ได้ข้อมูลจากนายทหารระดับสูงโดยตรง และมีประสบการณ์ทำข่าวความมั่นคงมายาวนาน.ความเคลื่อนไหวของ “ฮุนเซน” และแผนการในพื้นที่ชายแดน

ในช่วงหลังสงกรานต์ที่ผ่านมา มีรายงานว่ากัมพูชา โดยการนำของสมเด็จฮุน เซน ได้เคลื่อนกำลังทหารและเสริมสร้างฐานที่มั่นในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณที่เรียกว่า “สามเหลี่ยมมรกต” หรือ “สามเหลี่ยมทองคำ” (Golden Triangle) ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ ทั้งในแง่ความมั่นคงและเศรษฐกิจ.ล่าสุด ฮุน เซน ได้โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่าพื้นที่ “สามเหลี่ยมมรกต” เป็นของกัมพูชา พร้อมประกาศจะไม่ถอนทหารออกจากพื้นที่ และท้าทายให้ไทยนำเรื่องขึ้นศาลโลก โดยอ้างว่าจุดปะทะที่เกิดขึ้นเป็นของกัมพูชา และกล่าวหาว่ามีความพยายามจากฝั่งไทยในการยั่วยุเพื่อให้เกิดความสูญเสียและนำไปสู่การตัดสินในเวทีระหว่างประเทศ.เจตนาและเป้าหมายที่แท้จริง

การเคลื่อนกำลังและการสร้างความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดน มีการวิเคราะห์ว่าเป็นความพยายามของกัมพูชาในการ “ฮุบ” หรือผนวกพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีผลประโยชน์มหาศาล ทั้งในเชิงภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างไทย ลาว และเมียนมา และเป็นแหล่งค้ายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติที่สำคัญในภูมิภาค.การลากเส้นรุกล้ำอธิปไตยไทย เช่น การลอบขุดคูหรือสร้างแนวป้องกันในเขตที่ยังมีข้อพิพาท เป็นกลยุทธ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมาแล้ว เช่น กรณีปราสาทพระวิหาร ที่ศาลโลกเคยตัดสินให้ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา แต่พื้นที่โดยรอบยังคงเป็นข้อพิพาทและเคยเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธในปี 2554.ยุทธวิธี “ยาแรง” และความเสี่ยงปะทะ

การยั่วยุให้เกิดการปะทะ หรือใช้ “ยาแรง” เช่น การเสริมกำลังทหาร การฝึกซ้อมรบ หรือการสร้างกระแสในโซเชียลมีเดีย เป็นยุทธวิธีที่อาจนำไปสู่ความสูญเสียและสร้างแรงกดดันให้ไทยต้องยอมรับการเจรจาหรือการตัดสินในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งกัมพูชาเองมีประสบการณ์และความสำเร็จจากกรณีปราสาทพระวิหารมาแล้ว.สรุป

การเคลื่อนไหวของฮุนเซนและกัมพูชาในช่วงหลายเดือนหลังสงกรานต์ คือการเสริมกำลังและสร้างข้อเท็จจริงในพื้นที่พิพาท เพื่อหวังผนวก “สามเหลี่ยมทองคำ/สามเหลี่ยมมรกต” เข้าสู่อาณาจักรของตนกลยุทธ์ประกอบด้วยการรุกล้ำอธิปไตยไทย การขุดคูแนวป้องกัน การยั่วยุให้เกิดความสูญเสีย และการผลักดันให้เรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลโลกไทยต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในเชิงทหาร กฎหมายระหว่างประเทศ และการรักษาอธิปไตยในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญนี้“ฮุน เซน โพสต์เฟซบุ๊กกลางดึกยืนยันว่าพื้นที่ ‘สามเหลี่ยมมรกต’ เป็นดินแดนของกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าจะไม่ถอนทหาร และท้าให้ไปตัดสินกันในศาลโลก”สถานการณ์นี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญของไทยทั้งในเชิงยุทธศาสตร์และการทูต ในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์แห่งชาติอย่างรอบคอบและเด็ดขาด