ชาวสุรินทร์ลุกฮือ ฉีกหน้ารบ ไม่พอใจกัมพูชาเอาปืนชี้หน้าบ้านสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาได้เข้าสู่จุดวิกฤต หลังจากกัมพูชาเพิ่มกำลังทหารและอาวุธหนักในพื้นที่ช่องบก ทำให้ท่าทีของกองทัพไทยเปลี่ยนไป โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 2 ที่รู้สึกไม่สบายใจกับการที่ทหารกัมพูชาล้ำเข้ามาในพื้นที่ฝ่ายไทยพลโท บุญศิน ภาคกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนว่า "การปกป้องอธิปไตยและเส้นเขตแดนตามแผนที่ 1:50,000 อย่างเคร่งครัด เป็นหน้าที่โดยตรงของกองทัพภาคที่ 2 และจะไม่ยอมให้เสียดินแดน" ท่านขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในทหารรัฐบาลไทยได้ขอให้กองทัพใช้ความอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์ชายแดน โดยมีความกังวลว่าการปิดด่านจะกระทบการค้าขายตามแนวชายแดน และซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้ กำลังมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชาอยู่ ซึ่งเป็นขั้นตอนต่อไปในการแก้ไขปัญหาแม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่าได้รับการประสานมาจากรัฐบาลจริงเรื่องขอให้มีความอดทน และกล่าวว่าการอดทนเป็นหลักการของกองทัพที่ต้องปฏิบัติ โดยใช้ขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก และกำลังปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลเนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการประชุม JBCขณะนี้ยังไม่ได้ตกลงใจที่จะปิดด่าน การปิดด่านเป็นเพียงหนึ่งในมาตรการที่กองทัพอยากให้ปฏิบัติ โดยมีความห่วงใยเรื่องความปลอดภัยของผู้คนตามแนวชายแดนมีการติดต่อจากกัมพูชา พลเอก เตีย เซฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ได้โทรศัพท์มาหา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระстрวงกลาโหมของไทย เพื่อขอร้องอย่าให้ไทยปิดด่านชาวสุรินทร์ลุกฮือ! ฉีกหน้ารบ. โดยมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าสมควรปิดด่านเพื่อสั่งสอนกัมพูชา บางคนมองว่าเมื่อเขาเข้ามารุกรานแผ่นดินไทย พวกเขาไม่ควรได้รับอิสระทางการค้า