BM-21 ตกศรีสะเกษอีกครั้ง ! เสียงระเบิดกลบคำว่า สันติภาพ

สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชายังไม่คลี่คลาย ทั้งที่เมื่อคืน (12 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โทรคุยพร้อมกันกับนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ของไทย และนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา เพื่อขอให้ทั้งสองฝ่ายยุติการสู้รบและกลับเข้าสู่ข้อตกลงสันติภาพที่เคยทำไว้ที่มาเลเซีย แต่ดูเหมือนเสียงโทรศัพท์จากทรัมป์จะยังไม่ช่วยให้เงียบลง เพราะตอนเช้าวันนี้ (13 ธ.ค.) กัมพูชายิงจรวด BM-21 มาตกในพื้นที่พลเรือนอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จนมีชาวบ้านบาดเจ็บ 4 คน บางรายอาการหนักกองทัพบกระบุว่า เหตุเกิดตอนเช้าระหว่างที่ชาวบ้านกำลังหลบภัย มีจรวดตกใส่หน้าบังเกอร์หมู่ 1 ตำบลเสาธงชัย ทำให้คนเจ็บสาหัสสองรายคือ “นายแก้ว กินนรา” แขนขวาหัก และ “นายรำไพ สุวรรณศิลป์” ถูกแรงกระแทกที่ศีรษะ ถึงขั้นเลือดออกในสมอง อีกสองรายบาดเจ็บทั่วไปจากสะเก็ดระเบิด ขณะนี้ทั้งหมดถูกส่งตัวไปรักษาแล้ว กองทัพบกออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของกัมพูชาว่าเป็นการโจมตีพลเรือนอย่างชัดเจน ถือว่าผิดหลักมนุษยธรรมร้ายแรงทางฝ่ายกัมพูชาเองก็ออกมาโต้ทันที โดย “พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา” โฆษกกลาโหมกัมพูชา กล่าวหากลับว่า ฝ่ายไทยต่างหากที่บุกรุกเข้ามาในดินแดนของกัมพูชา ใช้อาวุธหนัก ทั้งเครื่องบินรบ 16 ลำ และระเบิดลูกปราย พร้อมกล่าวว่า “การกระทำของไทยเป็นภัยต่อสันติภาพภูมิภาค” และเรียกร้องให้ไทยหยุดยิง ถอนทหารออกจากพื้นที่ หากอยากเห็นสันติภาพจริงส่วนทางฝั่งรัฐบาลไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันหลังคุยกับทรัมป์ว่า “ไทยไม่ได้เริ่มก่อน” และยังย้ำว่าไทยยึดมั่นในข้อตกลงที่เซ็นไว้ แต่ต้องป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทรัมป์เสนอให้หยุดยิงทันที ซึ่งอนุทินตอบกลับว่า “ถ้าจะหยุด ก็ให้กัมพูชาเป็นฝ่ายประกาศก่อน แล้วถอนกำลังออกไปด้วย” เขายังโพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาษาอังกฤษตอนเช้าวันนี้ว่า “นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุบนถนนธรรมดา ไทยจะไม่หยุดปฏิบัติการจนกว่าความปลอดภัยของประชาชนจะกลับมา”ด้านกัมพูชาก็ไม่อยู่เฉย ฮุน มาเนต โพสต์แจ้งว่าได้สนทนากับทั้งทรัมป์และอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อหาทางยุติความขัดแย้ง และเสนอให้สองประเทศส่งทีมตรวจสอบหรือใช้ภาพถ่ายดาวเทียมมาหาความจริงว่าใครเป็นฝ่ายยิงก่อน “เราพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง” ฮุน มาเนตกล่าว พร้อมยืนยันว่ากัมพูชายึดแนวทางสันติวิธีตาม “ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์”ระหว่างที่ผู้นำพูดคุยกัน ทางชายแดนกลับร้อนระอุหนักกว่าเดิม ช่วงกลางดึกถึงเช้ามืดมีการยิงปืนใหญ่และจรวดหลายจุด ทั้งจังหวัดตราด สระแก้ว และอุบลราชธานี ทางศูนย์แถลงข่าวร่วมของกองทัพระบุว่า ฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่สำคัญไว้ได้แล้ว เช่น ช่องอานม้า ช่องจอม และหนองหญ้าแก้ว ขณะเดียวกัน กองทัพไทยรายงานความสูญเสียของฝ่ายกัมพูชาว่ามีทหารเสียชีวิตกว่า 160 นาย ยานเกราะ 11 คัน และโดรนถูกทำลายเกือบ 70 ลำกองทัพเรือไทยยังยืนยันว่ามีภารกิจโจมตีจุดยุทธศาสตร์ของกัมพูชาบนเกาะกง เพื่อป้องกันภัยคุกคาม พร้อมขอให้กองทัพอากาศช่วยทำลายสะพานและเส้นทางขนส่งยุทโธปกรณ์ เพื่อไม่ให้กำลังฝ่ายตรงข้ามลำเลียงอาวุธเข้ามาเพิ่มอย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยยังไม่ยืนยันว่าจะมี “หยุดยิง” ในเย็นวันนี้ตามที่ทรัมป์โพสต์ในโซเชียล เพราะก่อนหน้านี้กัมพูชาเคยไม่ทำตามคำพูดหลายครั้ง “จะเชื่อได้ก็ต่อเมื่อเห็นความจริงใจจากเขาก่อน” โฆษกกลาโหมไทยกล่าวในขณะที่สถานการณ์ยังตึงเครียด การเมืองในประเทศก็พลอยสั่นคลอน เพราะมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาเพิ่งมีผลเมื่อวาน ทำให้เสียงสะท้อนจากชาวชายแดนหลายคนรู้สึก “เหมือนถูกทิ้งไว้กลางไฟสงคราม” หลายหมู่บ้านต้องอพยพเข้าเขตปลอดภัย บางคนบอกว่า “ตอนนี้ได้ยินเสียงปืนเมื่อไหร่ ต้องวิ่งก่อนจะถามว่าใครเริ่มก่อน”จากทั้งคำพูดของผู้นำสามประเทศและเสียงของชาวบ้านชายแดน ดูเหมือนคำว่า “หยุดยิง” จะยังเป็นเพียงความหวังในกระดาษ เพราะขณะที่โลกภายนอกพูดเรื่องสันติภาพ ปืนและจรวดริมชายแดนยังดังต่อเนื่องไม่หยุด

Advertisement Banner 3