F/A-XX: ยุคใหม่แห่งขีดสุดนักรบท้องฟ้า
F/A-XX คือโครงการเครื่องบินขับไล่เจเนอเรชันที่ 6 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่ F/A-18E/F Super Hornet และเสริมศักยภาพให้กับ F-35C ในทศวรรษ 2030 เป็นต้นไป โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาอากาศยานรบที่ตอบโจทย์สงครามยุคใหม่ที่ซับซ้อนและท้าทายมากขึ้น
วิวัฒนาการและความจำเป็น
แรงผลักดันหลัก มาจากการเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจทางทหารในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยเฉพาะการขยายขีดความสามารถของจีนและรัสเซีย
บทความที่เกี่ยวข้องและแนะนำ:
- 🔗 บทความที่เกี่ยวข้อง: ด่วนกรุงไทยปิดบริการ
- 🔗 อ่านต่อ: เหิมเกริม! ขี่รถชวนซื้อยากลางฝูงชน บอกนี่คือวิถีลูกผู้ชาย
- 🔥 ยอดนิยม: magazineasp ปรับใหม่รองรับภาษาไทยแล้ววันนี้
F/A-18E/F Super Hornet ที่ใช้งานอยู่จะหมดอายุการใช้งานในช่วงต้นทศวรรษ 2030 ทำให้ต้องมีเครื่องบินรุ่นใหม่ที่มีขีดความสามารถสูงกว่าเดิม
F/A-XX จะเป็นหัวใจของระบบ Next Generation Air Dominance (NGAD) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ
คุณสมบัติเด่นของ F/A-XX
คุณสมบัติหลัก รายละเอียด
Stealth ขั้นสูง ตรวจจับได้ยากในทุกมุมมอง ทั้งเรดาร์และอินฟราเรด
Supercruise ทำความเร็วเหนือเสียงได้โดยไม่ต้องใช้สันดาปท้าย
Payload & Range บรรทุกอาวุธและเชื้อเพลิงได้มากขึ้น เพิ่มระยะปฏิบัติการกว่าเครื่องรุ่นก่อน
Networked Warfare ระบบรบเครือข่ายขั้นสูง เชื่อมต่อกับโดรนและระบบอาวุธอัตโนมัติ
Electronic Warfare ความสามารถสงครามอิเล็กทรอนิกส์และป้องกันตนเองขั้นสูง
Optionally Manned อาจรองรับการบินแบบไร้นักบิน (Unmanned/Optionally Manned)
Directed Energy เตรียมพร้อมสำหรับอาวุธพลังงานสูง เช่น เลเซอร์
เทคโนโลยีใหม่และความแตกต่างจาก F-35C
F/A-XX จะเน้นการบูรณาการกับระบบโดรนและอาวุธอัตโนมัติ รองรับการรบแบบเครือข่ายเต็มรูปแบบ
มีขีดความสามารถในการโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินและควบคุมอากาศเหนือสมรภูมิได้ดีกว่า F-35C
ระบบเซ็นเซอร์และเรดาร์รุ่นใหม่ที่สามารถตรวจจับเป้าหมายที่มี RCS ต่ำได้ในระยะไกล
เตรียมพร้อมสำหรับการติดตั้งอาวุธใหม่ เช่น ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกและอาวุธพลังงานตรง
บทบาทและอนาคต
F/A-XX จะเป็นกำลังหลักของฝูงบินบนเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ ในยุคที่ภัยคุกคามมีความซับซ้อนและรุนแรงขึ้น
จะช่วยเสริมความอยู่รอดและขยายขีดความสามารถของกลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบินในสภาพแวดล้อมที่มีการป้องกันหนาแน่น
คาดว่าเครื่องบินลำแรกจะเริ่มเข้าประจำการในช่วงปี 2030 และจะปฏิบัติการควบคู่กับ F-35C ไปจนถึงปี 2040
.webp)
