ในปี 2025 วงการ AI ของจีนกำลังเขย่าตลาดโลกด้วยนวัตกรรมที่แปลกใหม่และน่าตื่นเต้นจากสตาร์ตอัปชื่อดังอย่าง DeepSeek ที่ไม่เพียงแต่พัฒนา AI ประสิทธิภาพสูงในต้นทุนต่ำ แต่ยังเปิดให้ใช้งานฟรีและเป็นโอเพ่นซอร์สอย่างเต็มรูปแบบ สร้างปรากฏการณ์ “สงคราม AI” ที่เน้นการแข่งขันด้านราคาและนวัตกรรมอย่างดุเดือด
DeepSeek ก่อตั้งขึ้นในปี 2023 ที่เมืองหางโจว โดยใช้เวลาเพียง 1 ปีในการสร้างโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า DeepSeek R1 ซึ่งมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับระบบ AI ชั้นนำของโลก เช่น OpenAI แต่ใช้ต้นทุนเพียงประมาณ 7-8% ของค่าใช้จ่ายที่บริษัทตะวันตกต้องเสียไป นี่ถือเป็นความสำเร็จที่สะท้อนถึงความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายยุทธศาสตร์ของจีน เช่น “Made in China 2025” และ “China Standards 2035” ที่มุ่งผลักดันเทคโนโลยีระดับชาติให้ก้าวไกล
จุดเด่นที่ทำให้ DeepSeek แตกต่างจากคู่แข่งคือการเปิดเผยรหัสต้นทาง (open source) ให้ทุกคนสามารถดาวน์โหลดไปใช้ ปรับปรุง และพัฒนาต่อได้อย่างเสรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายรายเดือนเหมือน AI อื่นๆ ซึ่งสร้างความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้ชุมชนนักพัฒนาและบริษัทต่างๆ ร่วมกันผลักดันนวัตกรรม AI ให้ก้าวหน้าเร็วขึ้น
ในช่วง “Open Source Week” ของ DeepSeek บริษัทได้ปล่อยเครื่องมือและโค้ดสำคัญ 5 ชุดบนแพลตฟอร์ม GitHub และ Hugging Face ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ว่าเป็นนวัตกรรมชั้นนำที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลและการฝึกสอนโมเดล AI ขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิผล
บทความที่เกี่ยวข้องและแนะนำ:
- 🔗 บทความที่เกี่ยวข้อง: เทคโนโลยี AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสอนและการเรียนการสอนให้ดียิ่งขึ้น
- 🔗 อ่านต่อ: อัพเดทสถาณการณ์ โควิด-19 ระบาดในไทย 257,280 ราย
- 🔥 ยอดนิยม: ฮุนเซนโพสเฟสบุ๊คบอกประชาชน พร้อมโกหกหน้าตายไทยหวังหุบดินแดน
ผลจากการเปิดตัวโมเดลและโค้ดโอเพ่นซอร์สนี้ ทำให้ DeepSeek กลายเป็นแพลตฟอร์มแชทบอทที่ได้รับความนิยมสูงสุดในจีน ด้วยผู้ใช้งานประจำวันกว่า 22.2 ล้านคน แซงหน้าแพลตฟอร์มเก่าแก่หลายราย และยังส่งแรงกระเพื่อมให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Baidu ต้องเปิดตัวโมเดล AI ของตัวเองในรูปแบบโอเพ่นซอร์สตามมา
สรุปได้ว่า DeepSeek ไม่เพียงแต่เป็นตัวอย่างความสำเร็จของ AI ที่พัฒนาขึ้นในจีนด้วยต้นทุนต่ำและประสิทธิภาพสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่เปลี่ยนแปลงทิศทางของวงการ AI โลก ด้วยการผลักดันแนวทางเปิดกว้างและร่วมมือผ่านโอเพ่นซอร์ส ซึ่งช่วยเร่งการพัฒนาและการนำ AI ไปใช้ในวงกว้างอย่างรวดเร็วและยั่งยืน
นี่คือบทพิสูจน์ว่าการเปิดใจแบ่งปันเทคโนโลยี ไม่เพียงแต่สร้างนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง แต่ยังสร้างชุมชนและอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ในยุค AI ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและร่วมสร้างอนาคตได้ด้วยกัน.,
magazineasp




