Visit the creator : magazineasp
กรมสรรพากรไทยเตรียมนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ตรวจสอบภาษีแบบเต็มรูปแบบภายในปี 2570 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อ ขยายฐานภาษีและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น
ระบบ AI จะเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดผ่านแพลตฟอร์มเว็บไซต์และ Smart Tax ซึ่งจะช่วยให้การคืนภาษี การตรวจสอบ และการจัดเก็บภาษีเป็นไปอย่างแม่นยำ ลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ และเพิ่มความโปร่งใสในการบริหารจัดเก็บภาษี นอกจากนี้ AI ยังสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมผู้เสียภาษีและตรวจจับการหลบเลี่ยงภาษีได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะการตรวจสอบรายได้จากการค้าขายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น การโพสต์ขายสินค้า หรือไลฟ์สดขายของ ซึ่งเป็นช่องทางที่ระบบ AI จะเข้าไปประเมินรายได้และตรวจสอบความถูกต้องของการเสียภาษี
ในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้มีรายได้กว่า 66 ล้านคน แต่มีผู้เสียภาษีจริงเพียงประมาณ 4 ล้านคนเท่านั้น โดยกลุ่มผู้มีรายได้สูง 27,000 คนแรก จ่ายภาษีรวมถึง 70,000 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 20% ของภาษีบุคคลธรรมดาทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงช่องว่างของฐานภาษีที่ยังมีโอกาสขยายได้อีกมาก
กรมสรรพากรกำลังปรับปรุงระบบภาษีให้ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคใหม่และลดความเหลื่อมล้ำในการจัดเก็บ เช่น การปรับลดค่าลดหย่อนบางรายการหรือกำหนดเกณฑ์ใหม่ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น รวมถึงยกระดับการตรวจสอบผู้ที่ยังไม่เข้าสู่ระบบภาษีให้เข้ามาอยู่ในฐานภาษีมากขึ้น
อีกทั้งยังมีการพัฒนาระบบ My Tax Account ให้เป็น One Portal One Profile ที่ผู้เสียภาษีสามารถยื่นภาษีได้ในคลิกเดียว ช่วยอำนวยความสะดวกและลดความซับซ้อนในการทำบัญชีและยื่นภาษี โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลางที่ต้องการเข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้อง
การใช้ AI ในระบบภาษีนี้จะช่วยให้กระบวนการคืนภาษีรวดเร็วขึ้น จากเดิมที่ใช้เวลาหลายเดือน อาจลดลงเหลือเพียง 7 วันเท่านั้น ซึ่งจะเป็นการยกระดับบริการภาครัฐและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เสียภาษีมากขึ้น
สรุปได้ว่า การนำ AI มาใช้ในระบบภาษีของกรมสรรพากรไทยในปี 2570 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยขยายฐานภาษี เพิ่มความโปร่งใส และยกระดับประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้ทันสมัยและเป็นธรรมยิ่งขึ้น ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคดิจิทัลและลดช่องว่างทางภาษีในประเทศไทย,
#ระบบ AI
#Tax System #ภาษาไทย
#Tax Compliance
magazineasp