ปริศนาดีแอตลอฟพาส คดีที่ไม่มีวันไข

ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1959 กลุ่มนักปีนเขาชาวรัสเซียเก้าชีวิตตั้งแคมป์บนเนินหิมะใกล้ช่องเขาดีแอตลอฟ ณ เทือกเขาอูราล ท้องฟ้าเหนือศีรษะนิ่งงัน มีเพียงเสียงลมพัดแรงที่เสียดผ่านผืนเต็นท์และต้นไม้เปลือยหนาวเหน็บเป็นจังหวะ เวลานั้น ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวลึกลับที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่

ภาพประกอบบทความ: ปริศนาดีแอตลอฟพาส คดีที่ไม่มีวันไข

เช้าวันรุ่งขึ้น แคมป์ถูกพบเงียบงัน เต็นท์ฉีกออกจากด้านใน ราวกับว่าผู้คนภายในต้องหนีออกมาอย่างเร่งรีบกลางพายุหิมะ ร่างของนักปีนเขาถูกพบกระจัดกระจายทั่วพื้นที่ บางคนเปลือยเท้าอยู่ในหิมะ หน้าตาแข็งค้างด้วยความตื่นกลัว ส่วนบางศพกลับมีบาดแผลรุนแรงจนชวนขนหัวลุก เช่น กระโหลกแตก หน้าอกยุบ และลิ้นที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยของสัตว์หรือคนร้าย.

เจ้าหน้าที่สหภาพโซเวียตตอนนั้นสรุปว่า “อุบัติเหตุจากหิมะถล่ม” เป็นสาเหตุการตาย แต่แรงกระแทกที่ร่างหนึ่งได้รับกลับเทียบเท่ากับอุบัติเหตุทางรถยนต์ด้วยความเร็วสูง ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมเลยแม้แต่น้อย นักสืบเอกชนและนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากจึงเริ่มตั้งทฤษฎีใหม่ ตั้งแต่การทดลองทางทหารลับจนถึงการปรากฏของสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน “เยติ” ก็ยังถูกกล่าวถึงในบางรายงาน

ภาพประกอบบทความ: ปริศนาดีแอตลอฟพาส คดีที่ไม่มีวันไข

หลายทศวรรษถัดมา เมื่อเทคโนโลยีทันสมัยมากพอ ทีมสำรวจได้กลับไปที่เดิมอีกครั้งพร้อมโดรนและภาพอินฟราเรด แต่ก็ยังไม่พบหลักฐานใหม่ ค่ำคืนนี้ของดีแอตลอฟยังคงเป็นปริศนา เสียงลมที่พัดผ่านยอดเขาราวกับซ่อนเสียงกรีดร้องของอดีตในสายลมหนาวนั้นไว้ตลอดกาล

ทุกครั้งที่นักสำรวจเดินทางสู่เนินเขานั้น พวกเขามักพูดเหมือนกันว่า “เรารู้สึกเหมือนมีใครเฝ้ามองอยู่” แม้ว่าในดวงตาของพายุจะไม่มีใครเห็นมันได้เลย

Advertisement Banner 3

ที่มาแหล่งอ้างอิง

Wikipedia Dyatlov Pass Incident (https://en.wikipedia.org/wiki/Dyatlov_Pass_incident)[1]

National Geographic Dyatlov Pass (https://www.nationalgeographic.com/premium/article/has-science-solved-history-greatest-adventure-mystery-dyatlov)[2]

Search Photos Dyatlov Pass (https://dyatlovpass.com/search-photos)[3]