Visit the creator : magazineasp
จีนครองแชมป์อุตสาหกรรมเหล็กโลกด้วยปัจจัยสำคัญหลายประการที่ทำให้สามารถผลิตเหล็กดิบได้มากกว่า 50% ของโลก โดยในปี 2024 จีนผลิตเหล็กดิบถึง 1,005 ล้านตัน ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นอย่างอินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ อย่างมาก
หนึ่งในเหตุผลหลักคือการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนที่มุ่งเน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น รถไฟความเร็วสูง สะพาน และทางด่วน รวมถึงนโยบายระยะยาวอย่าง "Made in China 2025" ที่ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมหนักอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้เงินอุดหนุนและปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการเหล็ก
จีนยังมีทรัพยากรแร่เหล็กขนาดใหญ่และโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการผลิตและกระจายสินค้า ทั้งทางรถไฟและท่าเรือ นอกจากนี้ การใช้แรงงานจำนวนมากในต้นทุนต่ำ และการนำเทคโนโลยีทันสมัย เช่น ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ มาปรับปรุงกระบวนการผลิต ทำให้จีนผลิตเหล็กได้รวดเร็ว คุณภาพดี และต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง
บริษัทเหล็กยักษ์ใหญ่ของจีน เช่น China Baowu Steel Group มีกำลังการผลิตถึง 130 ล้านตันต่อปี มากกว่าบริษัทอันดับ 2 และ 3 รวมกัน และเป็นรัฐวิสาหกิจที่บริหารโดยรัฐบาลกลางจีน การผลิตในปริมาณมหาศาลนี้ทำให้จีนได้เปรียบด้าน economies of scale ลดต้นทุนต่อหน่วย และสามารถตั้งราคาที่แข่งขันได้ในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ความต้องการภายในประเทศลดลง จีนจึงเน้นการส่งออกเหล็กราคาถูกเพื่อดูดซับกำลังการผลิตส่วนเกิน ส่งผลให้หลายประเทศประสบปัญหาการแข่งขันด้านราคาและตอบโต้ด้วยมาตรการทางการค้า เช่น การเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด
ล่าสุด รัฐบาลจีนได้ประกาศแผนลดกำลังการผลิตเหล็กลงประมาณ 50 ล้านตัน เพื่อปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและลดความตึงเครียดทางการค้าโลก พร้อมควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอน
ในภาพรวม จีนครองตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรมเหล็กโลกด้วยการผสมผสานระหว่างการสนับสนุนจากรัฐ ทรัพยากรธรรมชาติ เทคโนโลยี และตลาดภายในที่ใหญ่โต แต่ก็เผชิญความท้าทายจากกำลังการผลิตส่วนเกินและแรงกดดันจากตลาดโลกที่ต้องจับตาต่อไป,
#เหล็กไทย
#SteelManufacturing #เหล็กโลก
#GlobalSteelIndustry #MadeInChina2025
magazineasp