Visit the creator : Athipat Sirikaew
นิคมโลกจับตา ฮุนเซนสร้างสันติด้วยกระสุน
เสียงปืนกัมปนาท เมื่อ BM-21 ถล่มแผ่นดินไทย ชาวไทยตกเป็นเป้า
ในเช้าวันหนึ่งที่เคยสงบสุข พรมแดนระหว่างประเทศไทยและ กัมพูชา (หรือที่คนไทยคุ้นเคยในนาม เขมร) ได้กลายเป็นสมรภูมิเดือดอีกครั้ง เมื่อจู่ๆ เสียงกัมปนาทของจรวดร่อนมาจากฟากฟ้า พุ่งตรงเข้าสู่พื้นที่ที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ในประเทศไทย เหตุการณ์รุนแรงครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงและตอกย้ำถึงความเปราะบางของสถานการณ์ชายแดนกับไทย ซึ่งส่งผลให้ ชาวไทยได้ถูกกระทำ อย่างโหดร้ายและไร้มนุษยธรรม
ฟ้าถล่มที่คมขวานทองของประเทศไทย BM-21 พุ่งเป้าพลเรือน
จินตนาการถึงภาพความโกลาหล: ในเวลา 9 นาฬิกา ของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 นจรวด BM-21 ซึ่งเป็นระบบจรวดหลายลำกล้องที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ได้พุ่งเข้าถล่มพื้นที่ชุมชนในประเทศไทยอย่างไม่เลือกหน้า ไม่ใช่เพียงแค่ฐานที่มั่นทางทหาร แต่ลูกหลงแห่งความรุนแรงยังกระหน่ำซ้ำลงบนชีวิตประจำวันของผู้คน เสียงระเบิดดังกึกก้อง อาคารบ้านเรือนพังทลายเป็นซากปรักหักพัง ผู้คนล้มตายบาดเจ็บ และที่น่าสะเทือนใจคือ แม้แต่ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวิถีชีวิตคนเมือง ก็ไม่รอดพ้นจากการถูกทำลาย ร้านค้าที่เคยสว่างไสวเต็มไปด้วยชีวิตชีวา บัดนี้กลับเหลือเพียงซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยเขม่าควันและเศษชิ้นส่วน
ชาวไทย จำนวนมากต้องตื่นตระหนกวิ่งหนีตายกันอลหม่าน ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง หลายชีวิตต้องจบลงอย่างไม่คาดฝัน เพียงเพราะอยู่ในสถานที่ที่ไม่ถูกที่ถูกเวลา การโจมตีที่มุ่งเป้าไปที่พลเรือนโดยตรงเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง และละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างรุนแรง
เสียงประณามและการเรียกร้องความรับผิดชอบภายใต้กฎหมายสงคราม
ทันทีที่ข่าวการโจมตีแพร่ออกไป เสียงประณามจากฝ่ายไทยดังกระหึ่ม การกระทำที่โจมตีพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหารนี้ ถือเป็นการละเมิด กฎหมายสงคราม อย่างชัดแจ้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ที่มีรากฐานมาจาก อนุสัญญาเจนีวา อนุสัญญาเหล่านี้ได้กำหนดหลักการพื้นฐานในการคุ้มครองผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมในการสู้รบ เช่น พลเรือน บุคลากรทางการแพทย์ และผู้บาดเจ็บ รวมถึงห้ามการโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยเจตนา ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี พิธีสารเพิ่มเติม (Additional Protocols) ที่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองพลเรือนในสถานการณ์ความขัดแย้ง โดยเน้นย้ำถึงหลักการของการจำแนกแยกแยะ (distinction) ระหว่างนักรบและพลเรือน และหลักการของสัดส่วน (proportionality) ซึ่งหมายความว่าความเสียหายต่อพลเรือนต้องไม่เกินสัดส่วนของประโยชน์ทางทหารที่คาดว่าจะได้รับ การใช้จรวด BM-21 โจมตีพื้นที่ชุมชนและร้านค้าอย่าง 7-Eleven จึงไม่เพียงแต่เป็นการกระทำที่โหดร้าย แต่ยังเป็นการฝ่าฝืนพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเข้าข่าย อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ หรือ อาชญากรรมสงคราม โดยไม่อาจปฏิเสธได้ และเป็นความผิดที่ไม่มีอายุความ
ผลจากเหตุการณ์ในวันนั้น ชาวไทยผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตไปถึง 12 ราย และทหารกล้าอีก 1 นายได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบร้อยราย ซึ่งเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ที่ไม่อาจยอมรับได้
ในฐานะประเทศอธิปไตย ประเทศไทยได้ตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมายทันทีด้วยการส่งเครื่องบิน F-16 บินขึ้นเหนือท้องฟ้าเพื่อโจมตีฐานของกัมพูชา การตอบโต้ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และรักษาชีวิตของคนในชาติให้ได้มากที่สุด โดยสุดกำลังของทหารกล้าที่ปรารถนาให้ปวงชนชาวไทยอยู่ร่มเย็นเป็นสุข
ฮุน เซน และบริบทของผู้นำในความขัดแย้งกับไทย
ในบริบทที่กว้างขึ้น บทบาทของผู้นำอย่าง ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลของกัมพูชา ย่อมถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดเมื่อเกิดสถานการณ์ความขัดแย้งขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับไทย แม้ว่าการกระทำของผู้นำรัฐบาลจะอยู่ในบริบทของการเมืองภายในประเทศและบทบาทในภูมิภาค ไม่ใช่ผู้นำกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า การใช้อำนาจของรัฐบาลในการจัดการความขัดแย้ง โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับการใช้กำลังทางทหาร ย่อมส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ และอาจนำไปสู่ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บาดแผลที่ไม่มีวันลืมเลือน: ผลกระทบระยะยาวและความรับผิดชอบ
เหตุการณ์นี้ได้ทิ้งบาดแผลลึกไว้ในใจของ ชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก หรือบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงวัตถุ แต่ยังรวมถึงความเชื่อใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนบ้านด้วย บาดแผลทางจิตใจของชาวบ้านที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายและความหวาดกลัวจากการถูกโจมตีนั้น อาจต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกยาวนาน และสำหรับบางคน มันอาจกลายเป็นฝันร้ายที่ติดตัวไปตลอดชีวิต
การนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายระหว่างประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นแก่เหยื่อผู้บริสุทธิ์ และเพื่อเป็นบทเรียนแก่ผู้ที่คิดจะใช้กำลังทหารโจมตีพลเรือนว่า การกระทำที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้จะไม่มีวันได้รับการให้อภัย และจะต้องถูกจดจำไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นความโหดร้ายที่ไม่อาจยอมรับได้ การดำเนินคดีผ่านกลไกสากลอย่าง ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) หรือศาลที่ถูกจัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจ อาจเป็นหนทางในการนำผู้รับผิดชอบมาสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าพวกเขาจะดำรงตำแหน่งที่สูงส่งเพียงใดก็ตาม
โลกยังคงเฝ้าจับตาดูสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด และหวังว่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้จะคลี่คลายลงโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ความสงบสุขกลับคืนสู่พื้นที่ และเพื่อให้หลักการคุ้มครองพลเรือนตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและอนุสัญญาเจนีวาได้รับการเคารพอย่างเคร่งครัด อันเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในประชาคมโลก
#BM21Attack #CambodiaConflict #ThaiBorderCrisis #WarCrimes #GenevaViolation
#ยิงถล่มชายแดน #สงครามเขมร #เขมรรุกไทย #กระสุนถล่มปั๊ม #อาชญากรรมสงคราม
#สันติภาพปลอม #ข่าวด่วนชายแดน #วิกฤตชายแดน #ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา
#ฮุนเซนไม่หยุดยิง #ประชาชนบาดเจ็บ #เขมรยิงพลเรือน