ไทย-กัมพูชา ปะทุร้อน
Visit the creator : magazineasp
เป็นเรื่องที่ยาวนานและซับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีทั้งช่วงเวลาแห่งความร่วมมือฉันมิตรและช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งบาดหมาง สลับหมุนเวียนไปตามกระแสลมแห่งการเมืองภายในและระหว่างประเทศ ทว่า ณ ปัจจุบัน พายุแห่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ก่อตัวขึ้นและทวีความรุนแรงอย่างน่าจับตามอง โดยมีชนวนสำคัญมาจากการปะทะคารมอย่างดุเดือดของบุคคลระดับสูง ซึ่งส่งสัญญาณอันตรายต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของภูมิภาค
เริ่มต้นจากปมปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดน ซึ่งเป็นดั่งแผลเรื้อรังที่รอวันอักเสบ แต่สิ่งที่ราดน้ำมันลงบนกองไฟ คือการออกมาแถลงการณ์ของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพล ที่ได้กล่าวถ้อยคำในลักษณะท้าทายและโจมตีรัฐบาลไทยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ท่าทีแข็งกร้าวของฮุน เซน ส่งแรงกระเพื่อมรุนแรงมายังฝั่งไทยทันที รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเมืองภายในประเทศอยู่แล้ว ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ "ศึกนอกประชิด ศึกในรุมเร้า" การตอบโต้ของฝ่ายไทยเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันดีในระดับประชาชน และเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่
ผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วอย่างเป็นรูปธรรมคือบรรยากาศบริเวณชายแดนที่ตึงเครียดขึ้น การค้าชายแดนซึ่งเคยคึกคักและเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของชุมชนทั้งสองฝั่งประเทศต้องหยุดชะงักลง กรมการค้าต่างประเทศประเมินว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อต่อไป อาจสร้างความเสียหายต่อมูลค่าการส่งออกของไทยได้ถึง 60,000 ล้านบาท
ในมุมมองของนักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สถานการณ์นี้มีความซับซ้อนมากกว่าแค่การกระทบกระทั่งกันของสองผู้นำ แต่อาจเป็นส่วนหนึ่งของเกมการเมืองที่ใหญ่กว่านั้น การที่ฮุน เซน เลือกที่จะเปิดฉากโจมตีในช่วงเวลาที่รัฐบาลไทยมีความเปราะบาง อาจเป็นการส่งสัญญาณเพื่อสร้างอำนาจต่อรองในประเด็นอื่นๆ ที่ค้างคาอยู่ เช่น การปักปันเขตแดนทางทะเล หรือแม้กระทั่งเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาภายในของกัมพูชาเอง
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ การปลุกกระแสชาตินิยมให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งหากถูกโหมกระพือโดยขาดความยั้งคิด อาจนำไปสู่ความเกลียดชังและสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ ดังที่เคยมีบทเรียนมาแล้วในอดีต วิกฤตครั้งนี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับรัฐบาลไทยในการใช้สติปัญญาและความสุขุมคัมภีรภาพ เพื่อนำพานาวาแห่งความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาให้ข้ามผ่านคลื่นลมที่เชี่ยวกราก โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติและสันติสุขของประชาชนทั้งสองแผ่นดินเป็นที่ตั้งสูงสุด
