สื่อเทเลแกรมของกองทัพกัมพูชาเผยภาพทหารติดอาวุธด้วยปืนไรเฟิลต่อต้านวัตถุ (Anti-Materiel Rifle) แบบกึ่งอัตโนมัติรุ่น QBU-10 ที่ได้รับมอบจากจีน ซึ่งถูกนำมาใช้ในพื้นที่แนวชายแดนบริเวณ “ภูมิภาคพระวิหาร” สะท้อนให้เห็นถึงการยกระดับขีดความสามารถด้านยุทโธปกรณ์ของกองทัพกัมพูชาQBU-10 หรือ Type 10 ผลิตโดยบริษัท
Norinco ของจีน
บทความที่เกี่ยวข้องและแนะนำ:

เป็นปืนไรเฟิลขนาด 12.7x108 มิลลิเมตร มาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในกองทัพจีนและรัสเซีย (ใกล้เคียงขนาด .50 Cal) ถูกออกแบบมาเพื่อทำลายเป้าหมายหนัก เช่น ยานเกราะเบา เฮลิคอปเตอร์ระดับต่ำ หรืออุปกรณ์เรดาร์ในสนามรบ ระยะยิงหวังผลอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 1,500 เมตร และสามารถยิงได้ไกลสูงสุดถึง 2,000 เมตร ตัวปืนหนักราว 13 กิโลกรัม ไม่รวมกล้องและกระสุนออกแบบให้ทำงานด้วยระบบแก๊สแบบลูกเลื่อนหมุน (Gas Operated, Rotating Bolt) พร้อมลำกล้องแบบลอยตัว (Free-Float Barrel) และระบบถอยลำกล้องเพื่อลดแรงถีบ (Recoiling Barrel) เพื่อเพิ่มความนิ่งและความแม่นยำ ฟีเจอร์เด่นอื่นๆ ได้แก่ ขาตั้งสองขา (Bipod), หูหิ้ว, และศูนย์เล็งเหล็กในตัวในแง่ประสิทธิภาพ QBU-10 ถูกพัฒนาขึ้นให้มีสมรรถนะเทียบเท่าปืนซุ่มยิงชื่อดังของอเมริกาอย่าง Barrett M82 โดยมีรายงานว่าความแม่นยำของ QBU-10 อาจเหนือกว่าเล็กน้อย ปืนใช้ซองกระสุนแบบกล่องขนาด 5 นัด และติดตั้งอุปกรณ์ลดแรงถีบหลายจุด เช่น Muzzle Brake, Rubber Recoil Pad, และ Rear Monopod เพื่อความมั่นคงในการยิงนอกจากนี้ QBU-10 ยังสามารถถอดประกอบเป็นชิ้นส่วนหลัก เช่น ลำกล้อง โครงปืน พานท้าย และชุดลั่นไก เพื่อความสะดวกในการขนส่ง ตัวกล้องเล็งหลัก YMA09 มีกำลังขยาย 8 เท่า พร้อมระบบคำนวณวิถีกระสุน และเครื่องวัดระยะเลเซอร์ในตัว ส่วนกล้องเสริม QMH-151A ใช้งานได้ทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยระบบภาพความร้อน (Thermal Imaging) อีกทั้งยังมีศูนย์เล็งเหล็กสำรองแบบพับได้สำหรับกรณีฉุกเฉินการนำ QBU-10 เข้าประจำการ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของกองทัพกัมพูชาในการปรับปรุงขีดความสามารถทางยุทธวิธี และสะท้อนความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างกัมพูชาและจีน



